ร้านตัดรองเท้าโดย ช่างทำรองเท้าสไตล์อิตาเลี่ยน แห่งแรกในประเทศไทย
บทความนี้จะพาทุกคนมารู้จักกับ คุณจุ้ย เจ้าของร้าน Three Shoes โรงงานผลิตรองเท้าโดยคนไทย ซึ่งคุณจุ้ย (ผมขอเรียกว่า พี่จุ้ย) ได้ไปเรียนวิธีการทำรองเท้ามาจาก Stefano Bemer แบรนด์รองเท้าชื่อดังแห่งเมือง Firenze ประเทศอิตาลี่ และเป็นโรงเรียนสอนทำรองเท้าชื่อดังอีกด้วย พี่จุ้ยตั้งเป้าหมายว่าจะนำวิชาความรู้กลับมาพัฒนาแบรนด์ Three Shoes ให้เป็นแบรนด์สินค้าคุณภาพระดับโลก และทำให้คนไทยได้ใส่รองเท้าไฮเอนด์
ร้าน Three Shoes ที่พี่จุ้ยกำลังดำเนินกิจการอยู่เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของตระกูลทำรองเท้าในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2516 ซึ่งเป็นตระกูลของชาวจีนเชื้อสายแคะ ที่สืบทอดการทำรองเท้าหนังผู้ชายมานานครับ เมื่อถึงยุคสมัยปัจจุบันที่โลกของการทำรองเท้าได้เปิดกว้างมากขึ้น พี่จุ้ยเองก็อยากจะพาแบรนด์รองเท้าไปสู่ก้าวต่อไปของธุรกิจ พี่จุ้ยเลยตัดสินใจไปเรียนทำรองเท้าที่ประเทศอิตาลี่
พี่จุ้ยไปเรียนที่ Stefano Bemer ประเทศอิตาลี่ โดยใช้เวลาครึ่งปี การเรียนในช่วงแรก จะเกี่ยวเครื่องมือในการทำรองเท้าทั้งหมด และต้องทำด้วยมือทั้งหมด เมื่อเรียนรู้เครื่องมือแล้ว ลำดับต่อไปคือเทคนิคในการทำ เช่น ใช้มีดในการปอกหนัง, การเลือกวัสดุในการทำรองเท้า, หรือสไตล์ของรองเท้าแต่ละประเภท
มีดที่ใช้ ด้านซ้ายของไทย ด้านขวาของอิตาลี่ เทคนิคเหมือนปอกผลไม้แบบหันเข้าหาตัว |
แผ่นหนังที่แปะอยู่ตรงหุ่นรองเท้า เรียกว่า Insole |
ขั้นตอนการเอาแผ่นหนังมาเปลี่ยนเป็น Insole จนส่วนด้านในเป็นส่วนเว้าตามเท้าของคน |
ขั้นตอนการปอกหนังเป็นเพื่อทำเป็นสะพาน เป็นเทคนิคพิเศษจากอิตาลี่ |
ก่อนจะเข้าสู่ช่วงถัดไป อยากจะให้ทุกคนทำความรู้จักกับคำศัพท์เหล่านี้ก่อน
- Insole = พื้นในรองเท้า หมายถึงส่วนที่สัมผัสกับเท้าของเราเวลาใส่รองเท้า
- Outsole = พื้นนอกรองเท้า หมายถึงส่วนที่สัมผัสกับพื้นถนน
- Welt = คิ้วรองเท้า คือส่วนที่เราเห็นตรงขอบพื้นรองเท้าเวลามองจากด้านบนครับ
- Upper = ส่วนของด้านบนรองเท้า นับตั้งแต่ Insole ขึ้นไปข้างบน
หนังด้านบนที่ห่อหุ้มหุ่นรองเท้าอยู่ เรียกว่า Upper |
แต่ละฝีเข็มที่เย็บพื้นจะเย็บในส่วนของ Upper + Insole + Welt เข้าหากัน แต่ละฝีเข็มก็หมายถึงฝีมือช่าง ฝีเข็มของพี่จุ้ยห่างกัน 7 มิลลิเมตร ผมถือว่าละเอียดมากสำหรับหนังที่หนาและแข็งหลายมิลลิเมตร (หากช่างคนไหนฝีเข็มยิ่งละเอียด แต่ละฝีเข็มห่างกันยิ่งน้อยลงแสดงว่าฝีมือยิ่งดี)
หุ่นรองเท้าของทางร้าน เป็นหุ่นทรงอิตาลี่ มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ดู Sexy มาก |
ท่า Butterfly ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษในการเย็บพื้นรองเท้าครับ |
Cap-Toe Oxfords สไตล์อิตาลี่ แพทเพิร์นสวยมาก หุ่นรองเท้าก็สวยมาก |
- Insole ของไทยเป็นกระดาษอัด “จี้เต้” (กระดาษ +ท้อง) ซึ่งจะมีขายแบบสำเร็จรูป ต่างจากการทำ Insole อิตาลี่ที่เอาแผ่นหนังมาปอกจนเป็นรูปร่าง
- เทคนิคการเย็บรองเท้าของไทย จะไม่ทำกำแพง แต่จะใช้การเย็บด้วยเครื่อง เพื่อติด Upper + Insole + Welt (สำเร็จรูป) + Outsole เข้าด้วยกันเลย เป็นการทำรองเท้าที่ง่าย นิยมทำเป็นโรงงาน กำลังการผลิตดีกว่า แต่อาจจะไม่สามารถเรียกผลงานชิ้นนั้นว่างานศิลปะได้
การทำซัพพอร์ทส่วนหัวรองเท้าด้วยหนังแท้ เทคนิคจากอิตาลี่แท้ |
รองเท้า Cap-Toe Oxford ถ้าหุ่นไม่สวย ทุกอย่างก็จบ แต่หุ่นรองเท้านี้สวยงามมากจริงๆ |
เชือกทำรองเท้าเส้นใหญ่ กับเทคนิค Closed Channel ทำให้ไม่เห็นตะเข็บที่พื้นรองเท้า |
ทรง Split-Toe Derby เข้ากับหุ่นรองเท้าแบบอิตาลี่มากๆ |
Closed Channel ไม่เห็นตะเข็บใต้พื้น ส่วนที่นูนขึ้นมาเกิดจาก Shank ด้านในครับ |
ฝีเข็ม 2 มิลลิเมตร งานละเอียดฝีมือพี่จุ้ย |
การทำรองเท้าแต่ละคู่ของพี่จุ้ย ผมว่ามันฉีกออกไปจากการทำรองเท้า แต่ผมมองว่ามันเป็นงานศิลปะ ทั้งเทคนิคการทำ, วัสดุ, และทุกขั้นตอนการทำมันเต็มไปด้วยรายละเอียดและความปราณีต รองเท้าที่ทำออกมาก็สวยงามเทียบเท่ากับแบรนด์ระดับโลกหลายๆแบรนด์ที่ผมได้รู้จักเลยครับ
Norwegian welt หรือ Storm Construction พี่จุ้ยก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร |
Double Stitch แบบใช้เชือก 2 สีสลับกัน งานฝีมือระดับสูง |
Instagram: three_shoes
นอกจากบริการตัดเย็บรองเท้าแล้ว พี่เซ้น (น้องชายของพี่จุ้ย) ก็เป็นเจ้าของกิจการร้านซ่อมรองเท้า ชื่อ Three Shoes Repair หากใครต้องการซ่อมรองเท้าแบรนด์นอกที่ต้องใช้เทคนิคพิเศษ ก็สามารถสอบถามไปทางเฟซบุ๊คของทางร้านได้เลยครับ
1 ความคิดเห็น
เก่งมากครับ ขอให้ยอดขาบปังปังนะครับ
ตอบลบ