บทความนี้จะมารีวิวร้านซ่อมรองเท้าข้างถนนแถบรามอินทรา กม. 2 ซึ่งผมได้นำรองเท้าพื้นยางที่ใช้มานานจนพื้นสึก ไปเปลี่ยน Outsole ใหม่ แต่ว่าผมขี้เกียจส่งไปเปลี่ยนร้านแพงๆ เนื่องจากตอนนี้มีรองเท้าหลายคู่มากจนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายไม่ไหว และคู่นี้ไม่ได้ใส่บ่อยครับ

เนื่องจากรองเท้า Split-toe Derby ของแบรนด์ Regal Royal Imperial คู่นี้ ผมใส่มานานหลายปี พื้นเดิมของรองเท้าเป็น Carrarmato sole จากแบรนด์ Vibram ซึ่งเป็นพื้นที่แข็งแรงและทนทานมาก ผมมักจะเอารองเท้าคู่นี้ใส่ไปเที่ยวในที่ๆต้องลุยป่าฝ่าดง เพราะว่าพื้นรุ่นนี้สามารถเกาะถนนได้ดี และลุยโคลนได้โดยไม่ลื่น ทำให้รองเท้าคู่นี้รับบทหนักตลอด ผลลัพท์คือพื้นรองเท้าเลยสึกมากกว่าคู่อื่นๆ

หลังจากที่พิจารณาแล้ว ยางของตัวรองเท้าเริ่มหมดอายุเริ่มจากมันแข็ง, ไม่ยืดหยุ่น และมีร่องรอยของการฉีกขาด เป็นธรรมชาติของพื้นยางที่มีอายุจำกัดครับ ผมเลยตัดสินใจนำไปเปลี่ยนที่ร้านข้างถนนใกล้ๆบ้าน

เริ่มต้นผมได้ถามกับทางช่างซ่อมรองเท้าก่อนว่า ช่างจะสามารถซ่อมรองเท้าคู่นี้ได้อย่างไร ซึ่งทางช่างเค้าให้คำตอบว่า เค้าจะเลาะส่วนของพื้นยาง Vibram ออกด้วยใบมีด จากนั้นก็ยกออกมาทั้งหมด แล้วใส่พื้นยางที่มีขนาดใกล้เคียงกันกลับเข้าไป จากนั้นก็ติดกาวและเจียขอบจนเนียนเหมือนเดิม ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับวิธีการของช่างซ่อมรองเท้า ผมเลยตัดสินใจฝากเค้าไว้ให้ซ่อมพื้นครับ

สองวันต่อมาก็ไปรับรองเท้ากลับบ้าน พบว่าเป็นพื้นที่ไม่มีแบรนด์ แต่ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเป็นพื้นรองเท้า Vibram เหมือนเดิมแต่แรก เพราะว่าถ้าอยากได้พื้นแบรนด์ Vibram ควรไปร้านที่รับซ่อมอย่างจริงจังมากกว่านี้ดีกว่า 

การเก็บขอบบริเวณรองเท้าก็เรียบร้อยดี มีการลงสีที่ขอบเพื่อให้พื้นรองเท้ากลืนกันไปทั้งหมด แต่เก็บสีไม่เรียบร้อย เลยมีความเละตรงบริเวณขอบ แต่เนื่องจากเป็นส่วนของพื้นรองเท้า จึงมองเห็นไม่ชัด แต่ราคาที่ร้านซ่อมรองเท้าคิด คือ 400 บาทถ้วนครับ ผมก็เลยช๊อคไปเลยเพราะว่าเคยเปลี่ยนที่ร้านบางร้าน ก็ราคาประมาณ 3,000 บาท ผมเลยไม่ได้ติดใจอะไรมากแม้ว่างานอาจจะไม่เรียบร้อยมาก เพราะราคาเค้าถูกมากเช่นกัน