บทความนี้จะมาเล่าประสบการณ์ใช้บริการ Shoe Shine Service ของแบรนด์ Mango Mojito ซึ่งในครั้งนี้ผมทดลองขึ้นไปนั่งบนแท่น Shoe Shine Stand โดยมีนักขัดรองเท้า หรือ Shoe Shiner จากทางร้านเป็นคนขัดรองเท้าให้กับผมครับ

ร้าน Mango Mojito ได้นำ Shoe Shine Stand หรือแท่นสำหรับการขัดรองเท้า มาออกงาน Made By Legacy ประจำปี 2019 ซึ่งตัวผมเองไม่เคยใช้บริการแบบนี้มาก่อน ปกติผมจะขัดรองเท้าของผมด้วยตัวเอง โดยการใส่ดันทรงรองเท้า (Shoe tree) เอาไว้ แล้วทำการขัดอย่างละเอียดทุกครั้ง ซึ่งเหตุผลที่ผมไม่เคยใช้บริการร้านขัดรองเท้าอื่นๆ คือ ผมไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือของนักขัดรองเท้าว่าทำได้ดีหรือไม่ และผมค่อนข้างเกรงใจเวลาต้องขึ้นไปนั่งเพื่อให้นักขัดรองเท้าช่วยดูแลรองเท้าให้ผม

หลังจากที่เดินผ่านบูทของ Mango Mojito ความรู้สึกแรกคือ ทำไมมันดูยิ่งใหญ่จัง? เป็นเพราะเก้าอี้ขนาดใหญ่สำหรับให้คนนั่งขัดรองเท้า ทำมาจากหนังทั้งอันและยกขึ้นสูงจากพื้นมากๆ อย่างกับซีรีย์ Game of Throne เลยทีเดียว แต่ผมก็คิดว่า สักครั้งในชีวิต อยากจะลองดูว่าเป็นอย่างไร ซึ่ง Shoe Shiner ประจำร้านก็อธิบายให้ฟังว่า Service ของทางร้านมีอะไรบ้าง

Shoe Shiner กำลังสัมผัสรองเท้าเพื่อทดสอบสภาพของหนังก่อนลงมือขัด

Shoe Shiner ได้ถามผมว่ารองเท้าของผมเป็นหนังประเภทไหน และเคยผ่านการขัดมาหรือยัง ซึ่งผมก็ได้บอกเค้าไปว่า เป็นหนังขัด (Polished Leather) ซึ่งเคยผ่านการลงแวกซ์มาอย่างเรียบร้อยแล้ว 1 ชั้น ทางร้านจึงได้บอกว่า เค้าสามารถทำให้มันเงาขึ้นได้อีก โดยสิ่งที่เค้าสามารถทำได้ คือ Spit Shine ดังตัวอย่างที่ตั้งอยู่บนบูท

หลังจากที่พูดคุยกันแล้ว Shoe Shiner ประจำร้านได้เชิญให้ผมขึ้นไปนั่งบน Shoe Shine Stand ซึ่งพอขึ้นไปนั่งป๊บ ก็จะกลายเป็นจุดสนใจของงานทันที ทำให้ผมเขิลบ้างเล็กน้อย แต่ที่ผมสนใจจริงๆคือฝีมือของช่างขัดรองเท้าคนนี้ต่างหาก

ขั้นตอนการเช็ดครีมบำรุงหนังที่มากเกินไปออกจากรองเท้าหนังด้วยผ้าสะอาด

Shoe Shiner จะลองสัมผัสกับตัวรองเท้าก่อนเพื่อที่จะดูว่าสภาพของหนังเป็นอย่างไร รองเท้าของเรากำลังขาดความชุ่มชื้นหรือไม่ หรือแวกซ์บนรองเท้าของเราถูกขัดออกไปจนหมดแล้ว หลังจากนั้น เค้าจะเริ่มขัดรองเท้า โดยใช้ Saphir Renovateur ทาลงไปบนหนังส่วนที่เป็นรอยพับเพื่อทำให้หนังชุ่มชื้นและไม่แตกเมื่อใช้เป็นเวลานาน และไม่ทำให้ชั้นแวกซ์ที่เคยลงเอาไว้ถูกเช็ดออกมากเกินไป ปริมาณครีมที่ใช้คือ นิดเดียว เพื่อป้องกันให้น้ำยามันเหนอะเกินไปกว่าที่จะซึมเข้าหนังได้ เมื่อทาเสร็จแล้วก็ใช้แปรงขัดจนเนียน

หลังจากที่ขัดจนเรียบร้อยแล้ว Shoe Shiner จะใช้ผ้าเช็ดที่ผิวหนังให้ทั่วทั้งรองเท้าเพื่อที่จะทำให้หนังแห้งที่สุด เพื่อเตรียมสภาพหนังก่อนจะใช้แวกซ์ หลังจากนั้น เค้าก็จะลงแวกซ์ Saphir Pate de Luxe Wax Shoe Polish ซึ่งปริมาณที่ใช้ก็คือ นิดเดียวเท่านั้น เพราะเค้าเห็นอยู่แล้วว่ารองเท้าเราเคยลงแวกซ์เอาไว้ หากใช้มากเกินไปจะทำให้ชั้นแวกซ์มันละลายลงหมด

ขั้นตอนการขัดเงาด้วยการวนน้ำ เป็นเทคนิคที่ต้องฝึกฝนมาเยอะพอสมควร ถึงจะรู้ว่าควรใช้น้ำเท่าไหร่ และขัดอย่างไรถึงจะขึ้นเงา

Shoe Shiner ของเราก็เริ่มขัดด้วยผ้า ด้วยเทคนิค วนน้ำ ซึ่งเป็นเทคนิคที่จะทำให้แวกซ์ชั้นนอกนั้นเคลือบผิวหนังจนเนียนเสมอเป็นฟิล์มบาง หลังจากที่วนน้ำเสร็จ Shoe Shiner จะเป่าลมลงบนรองเท้าเพื่อให้แวกซ์นั้นแห้งประมาณนึง ก่อนจะแตะน้ำและวนน้ำด้วยแวกซ์ชั้นถัดไป ซึ่งผลที่ได้คือ Spit Shine ที่หัวรองเท้าก็เงาขึ้นมาจนสะท้อนแสง ทำให้รองเท้ากลับมาดูเหมือนใหม่อีกครั้ง

หลังจากที่ขัดเสร็จ 1 ข้าง ก็จะเริ่มทำอีกข้างด้วยปริมาณครีมและแวกซ์ที่เท่าๆกัน เพื่อให้ความเงาของรองเท้าทั้งสองข้างเท่ากัน ซึ่งผมรับประกันเลยว่าฝีมือของนักขัดรองเท้าจาก Mango Mojito นั้นไม่ธรรมดา และมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรองเท้าหนังเป็นอย่างดี

รองเท้าที่ผ่านการขัดเงาที่ส่วนหัวของรองเท้าจนเงาเป็นพิเศษ เรียกว่า Spit Shine

ความรู้สึกขณะที่นั่งอยู่บน Shoe Shine Stand คือ 

1. เขิล เพราะคนเข้ามาดูเยอะมากในระหว่างที่ขัดรองเท้า และ 
2. เมื่อย เพราะเราจะต้องเกร็งขาให้เท้าเราอยู่กับที่เพื่อให้นัดขัดรองเท้าสามารถขัดได้อย่างสะดวก (พอลงจากแท่นแล้วขาก็เหน็บกินทันที) 

แต่ผมก็ดีใจมากที่ได้ลอง เพราะสิ่งผมคิดได้ขณะที่นั่งอยู่บนนั้น คือ เราให้เกียรติซึ่งกันและกัน แม้ว่าบางคนอาจจะคิดว่าการขัดรองเท้าให้คนอื่นนั้นเป็นสิ่งที่ดูไม่ค่อยเหมาะสม หรืออาจจะเหมือนอยู่ภายใต้อำนาจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว Shoe Shiner ก็ไม่รังเกียจเลยที่ขัดรองเท้าให้ผม และผมเองก็ไว้ใจให้เค้าดูแลรองเท้าคู่โปรดของผม โดยที่เราสองคนให้ความร่วมมือกันจนรองเท้าของเราออกมาเงาและสวยเหมือนเดิมครับ

Shoe Shiner ที่ขัดรองเท้าให้ผมในวันนี้ครับ ฝีมือเยี่ยมมาก

ขอขอบคุณ Shoe Shiner จากแบรนด์ Mango Mojito ที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้รองเท้าคู่ใหม่อีกครั้ง สำหรับใครที่สนใจรับบริการ Shoe Shine Service สามารถเข้ารับบริการได้ที่  The Artisans’ Royal Club ในห้างสรรพสินค้า Gaysorn Village ครับ

รองเท้าหนังของผมกลับมาเหมือนใหม่อีกครั้ง